กำเนิดวรรณคคี
วิทย์ ศิวศริยานนท์ กล่าวว่า วรรณคดีเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสันดานของมนุษย์ตลอดเวลา เช่นเดียวกับศิลปะอื่น ๆ มนุษย์มีศิลปะทุกยุคทุกสมัย และศิลปะไม่ใช่การเล่นฆ่าเวลา วรรณคดีเกิดขึ้นได้เสมอในสภาวการณ์ต่าง ๆ และอาจจะมีมูลเหตุมาจากอารมณ์เพศ ศาสนา การเล่น หรืองานก็ได้ ขึ้นอยู่กับทัศนะของแต่ละบุคคล หรือแต่ละความเชื่อ
พิชิต อัคนิจ กล่าวว่า ตำนานกำเนิดวรรณดคีของชาติต่าง ๆ อาทิ ตำนานกรีก ตำนานสันสกฤต ตำนานจีน เป็นต้นเค้าของทฤษฎีการกำเนิดวรรณคดีในสมัยปัจจุบัน เพราะมูลเหตุที่ทำให้เกิดวรรณคดีตามหลักวิชาการสมัยใหม่ที่นำมากล่าวไว้ต่อไปนี้ ก็ล้วนมีสาระอิงตำนานที่กล่าวไว้แล้วแทบทั้งสิ้น คือ
๑. เกิดจากการนับถือวีรชน เช่น เรื่องรามายณะ มหาภารตะ ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น
๒. เกิดจากความเชื่อทางศาสนา ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ ศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นสิ่งบันดาลใจให้เกิดวรรณคดีได้ เช่น เรื่องมหาชาติคำหลวง ไตรภูมิพระร่วง ปฐมสมโพธิกถา และอื่น ๆ
๓. เกิดจากอารมณ์ อารมณ์ที่เกิดเอง ไม่คล้อยตามผู้อื่น เช่น อารมณ์รัก โกรธ โศก เป็นมูลเหตุให้เกิดวรรณคดีไทย เช่น เรื่องมัทนะพาธา กามนิต อติรูป และอื่น ๆ
๔. เกิดจากความกลัวภัย โดยเฉพาะภัยธรรมชาติ
๕. เกิดจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การไปมาหาสู่ระหว่างสังคมต่าง ๆ ก็มีส่วนทำให้เกิดวรรณคดีด้วย เช่น นิราศลอนดอน นิราศกวางตุ้ง และอื่น ๆ
ความสำคัญของการเรียนประวัติวรรณคดี
เนื่องจากวรรณคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ผู้แต่งมีต่อสภาพและเหตุการณ์แวดล้อมในยุคสมัยของผู้แต่ง เช่น มีความชื่นชมในวีรกรรม ความสามารถหรือบุญบารมีของบุคคลสำคัญก็แต่งเรื่องประเภทสดุดี ถ้ามีความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาก็แต่งเรื่องธรรมะและชาดก ถึงแม้วรรณคดีที่เกิดจากความสะเทือนใจส่วนตัวของ ผู้แต่งเอง ผู้แต่งก็มักสร้างเนื้อหาและฉากของเรื่องขึ้นจากสิ่งที่ผู้แต่งประสบพบเห็นเป็นส่วนมาก นอกจากรูปแบบ คำประพันธ์ ประเภท และสาระสำคัญของเรื่องมักเป็นไปตามคตินิยมของสังคมในสมัยที่แต่ง เพราะฉะนั้นการอ่านวรรณคดีให้ได้คุณค่าที่แท้จริง จำเป็นต้องเรียน วรรณคดีในเชิงประวัติ หรือประวัติวรรณคดีประกอบด้วย การเรียนประวัติวรรณคดี พิจารณาถึงประเด็นสำคัญของวรรณคดีในด้านต่าง ๆ ดังนี้
๑. ผู้แต่ง รวมถึงชีวประวัติและผลงาน
๒. ที่มาของเรื่อง ได้แก่ เรื่องที่เป็นต้นเค้า อาจเป็นเรื่องหรือเหตุการณ์ภายในประเทศ หรือที่ได้รับ
อิทธิพลจากต่างประเทศ
๓. ความมุ่งหมายในการแต่ง ได้แก่ แรงบันดาลใจหรือความมุ่งหมายของผู้แต่งในการแต่งวรรณคดีนั้น ๆ
๔. วิวัฒนาการและความสัมพันธ์ต่อเนื่องระหว่างวรรณคดีแต่ละสมัย
๕. สภาพสังคมในสมัยที่แต่ง ซึ่งได้แก่ วัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณ์ของบ้านเมืองในระยะเวลาที่แต่ง
๖. อิทธิพลที่วรรณคดีมีต่อสังคมทั้งในสมัยที่แต่งและในสมัยต่อมา
ดังนั้น การศึกษาประวัติวรรณคดี ทำให้ทราบที่มาของวรรณคดีแต่ละเรื่องว่าเกิดขึ้นอย่างไร มีแรง
บันดาลใจอะไร แต่งในสมัยใด ใครเป็นผู้แต่ง อิทธิพลของเหตุการณ์บ้านเมืองที่มีต่อวรรณคดี และอิทธิพลของ วรรณคดีที่มีต่อสังคมไทยในแต่ละยุคสมัย
ประโยชน์ของการเรียนประวัติวรรณคดี
เนื่องจากการเรียนประวัติวรรณคดีมีลักษณะเป็นการเรียนรู้ที่มา และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปของวรรณคดี การเรียนประวัติวรรณคดีจึงให้ประโยชน์หลายประการ ดังนี้
๑. ช่วยเพิ่มความเข้าใจและความซาบซึ้งในคุณค่าของวรรณคดี
๒. ได้ความรู้เกี่ยวกับภาษาและลักษณะอักขรวิธีสมัยต่าง ๆ
๓. ได้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับต่างประเทศสมัยต่าง ๆ
๔. ได้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณ์บ้านเมือง ควบคู่กันไปกับวิวัฒนาการของวรรณคดีในสมัยต่าง ๆ
แหล่งข้อมูล :
ประพันธ์ เรืองณรงค์และคณะ. กลุ่มสาระภาษาไทย ช่วงชั้นที่ ๔(ม. ๔-๖). กรุงเทพมหานคร :
ประสานมิตร, ๒๕๔๖.
พิชิต อัคนิจ. วรรณกรรมไทยสมัยสุโขทัย – กรุงศรีอยุธยา. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๖.
ฐะปะนีย์ นาครทรรพและคณะ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระภาษาไทย ภาษาไทย
ม.๔ เล่ม ๑. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์, ๒๕๔๖.
เสนีย์ วิลาวรรณและคณะ. ประวัติวรรณคดี ๑. กรุงเทพมหานคร : วัฒนาพานิช, ๒๕๔๒.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น